แนวโน้มราคาทอง
ยืนเหนือ 2,360
- ทองลงแรงเมื่อเช้านี้
- Demand จากจีนอ่อนแอลง
Gold spot
สูงสุด – 2,401 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,365 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,750 บาท
ต่ำสุด – 40,650 บาท
ภาพรวมเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลงแรงตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงเทขายทำกำไร และสัญญาณทางเทคนิค ขณะที่ Demand จากจีนอ่อนแอลง ซึ่งธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี เป็นการลดดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง หลัง GDP ไตรมาส 2/2567 ของจีนขยายตัวเพียง 4.7% ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 2 ประมาณการครั้งที่ 1 ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.0% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 6,000 รายสู่ระดับ 237,000 ราย และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% จาก 0.1% ในเดือนพ.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ราคาทองคำปรับตัวลงแรงช่วงเช้านี้ จากสัญญาณทางเทคนิคเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) ทำให้ไปสู่ใกล้แนวรับ 2,360 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงขายอาจเริ่มชะลอตัวลง และอาจยังยืนเหนือแนวรับ 2,360 ดอลลาร์ได้ในระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำอาจฟื้นตัวบริเวณ 2,360 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,360 และ 2,350 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,400 และ 2,405 ดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนที่เปิดสถานะขายไว้ให้ปิดสถานะ หรือขายทำกำไรบริเวณใกล้แนวรับ 2,360 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าราคาทองคำอาจเริ่ม Rebound ขึ้น อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดสถานะขายอีกครั้งเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาที่ 2,400-2,405 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,420 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,600 และ 40,500 บาท
แนวต้าน : 40,900 และ 41,000 บาท
สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำแท่งยังส่งสัญญาณการปรับตัวลง อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาทองคำแท่งอาจฟื้นตัวบริเวณ 40,500 บาท สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นบริเวณแนวรับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้ขายทำกำไรรอบสั้น ๆ