แนวโน้มราคาทอง
ไม่ควรหลุด 2,366
- ทองคำฟื้นตัวช่วงเช้า
- ช่วงสายทองคำปรับตัวลงต่อ
Gold spot
สูงสุด – 2,418 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,394 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,500 บาท
ต่ำสุด – 40,300 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ช่วงเช้าราคาทองคำฟื้นตัว แต่ช่วงสายราคาทองคำได้ปรับตัวลงต่อ ก่อนหน้านี้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากค่าจาก Sahm Rule แตะ 0.5% ที่บ่งชี้โอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ภายหลังดัชนีภาคบริการสหรัฐขยายตัวดีเกินคาด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย Bond Yield สหรัฐดีดตัวขึ้น ทองคำจึงน่าสนใจลดลง อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยคาดยังมีต่อไป จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ถ้าอิหร่านตอบโต้อิสราเอลอาจส่งผลให้ทองคำพุ่งขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ แต่คาดว่าสงครามยังไม่ขยายวงกว้าง และการลดดอกเบี้ยของเฟดในเร็วๆนี้ ยังคงหนุนราคาทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนมิ.ย. ตลาดคาดว่าจะขาดดุล 72.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 75.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพ.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำเกิดรูปแบบ Double Top ซึ่งจับตาบริเวณ Neckline แถวแนวรับ 2,360-2,366 ดอลลาร์ หากยังไม่หลุดบริเวณดังกล่าว แนวโน้มราคาทองคำยังดีอยู่ ทั้แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าว ราคาทองคำจะปรับตัวลงแรง และเปลี่ยนทิศทางไปสู่ขาลง อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำจะยังยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,383 และ 2,366 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,430 และ 2,440 ดอลลาร์
หากราคาทองคำยังคงยืนเหนือแนวรับ 2,360-2,366 ดอลลาร์ ให้เปิด Long Position บริเวณแนวรับดังกล่าว โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,350 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากหลุดแนวรับดังกล่าวให้ปรับเปลี่ยนกลยุทธิ์เป็น Short Position บริเวณ 2,360 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,300 และ 40,100 บาท
แนวต้าน : 40,600 และ 40,750 บาท
ราคาทองคำแท่งยังคงยืนเหนือ 40,000 บาท ซึ่งระยะสั้นราคาทองคำแท่งยังมีแนวโน้มปรับตัวลง หากว่าราคาทองคำแท่งยังคงยืนเหนือ 40,000 บาท สามารถเข้าซื้อสะสม หรือเข้าซื้อทองคำแท่งบริเวณ 39,500-40,000 บาท