เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.หรือไม่
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
Gold Bearish
- เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
ทองโลกและทองไทยพุ่งทำ All-Time High
เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.หรือไม่?
ทองคำสดใสทั้งทองโลกและทองไทย ปีนี้ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น 12.94% จากต้นปี ส่วนราคาทองไทยปรับตัวขึ้นกว่า 19.61% จากต้นปี ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดหุ้นทั้งสหรัฐและไทย ซึ่งทองคำไทยให้ผลตอบแทนดีกว่าทองคำโลก จากแรงหนุนของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากถึง 6.59% แม้ดอลลาร์จะแข็งค่าเพียง 2% ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่า แต่ปัจจัยภายในประเทศยังคงหนุนค่าเงินบาท ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัว GDP ไทยที่โตต่ำกว่าคาด จาก World Bank หั่นคาดการณ์ GDP ไทยปี 67 เหลือโต 2.8% และยังมีแนวโน้มขยายตัวช้ากว่าประเทศอาเซียน รวมถึงเม็ดเงินไหลออกจากชาวต่างชาติ แม้ว่าท่องเที่ยวของไทยจะมีแนวโน้มที่สดใส จากที่นักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยเป็นอันดับ 1 ของปีนี้ ซึ่งมาจากอานิสงส์ฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน แต่การส่งออกแผ่วลง และความล่าช้าของการดำเนินนโยบายของภาครัฐ เงินบาทจึงยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง หนุนราคาทองคำแท่งภายในประเทศต่อไป ทองคำแท่งของไทยจึงยังคงน่าซื้อ ขณะที่แม้ราคาทองคำไทยจะขึ้น และดูแพง ล่าสุดทองคำไทยอยู่ที่ 40,250 บาท แต่ก็ยังมีแรงซื้อทองคำเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งยอดซื้อทองคำยังคงเป็น Net buy แม้ราคาทองคำแท่งจะแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์
.
ด้านราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นค่อนข้างสูงถึง 23.49% ซึ่งราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อถึง 100 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งล่าสุดอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ทำให้เกิดความกังวลว่าหากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล จะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางบานปลาย และกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดได้ รวมถึงความกังวลสงครามรัสเซียและยูเครน จากที่รัสเซียได้ทำการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในระดับใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ราคาน้ำมันจึงยังคงดีดตัวขึ้น ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องระงับแผนการซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เพราะราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งความเสี่ยงด้านสงคราม นอกจากจะทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแล้ว ยังทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น และจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ระดับสูง ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
.
เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.หรือไม่?
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเริ่มลดดอกเบี้ย 0.25% และจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. และธ.ค. อย่างละ 0.25% ทำให้รวมการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งเป็น 0.75% ในปีนี้ ดอกเบี้ยจะมาอยู่ที่ระดับ 4.50%-4.75% ในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มให้น้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ลดลงเหลือโอกาสเพียง 50.8% ทั้งนี้การคาดการณ์ของตลาดสอดคล้องกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
.
ขณะที่มีอีกทฤษฎีหนึ่งคือกฎเทย์เลอร์ (Taylor’s Rule) ได้มีการนำใช้ตั้งแต่ปี 1993 ในการคาดการณ์หาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ จากกฎเทย์เลอร์ สะท้อนค่าการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอยู่ 4.71% ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ณ ตอนนี้อยู่ที่ 5.25%-5.50% นั้นแปลว่าปีนี้เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยถึงระดับ 4.50%-4.75% สะท้อนถึงเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.75% ถ้าลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง สอดคล้อง Dot Plot ของเฟดเช่นกัน
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่? ซึ่งล่าสุดเฟดก็ยังส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย หากว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับสูง ซึ่งข้อมูลล่าสุดสะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้น รวมถึงภาวะสงครามที่อาจยังทำให้เสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อได้อีก หากสัปดาห์นี้สหรัฐยังคงเปิดเผยเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังสูงกว่าคาด อาจเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เฟดอาจยังไม่เริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ก็ได้
.
ราคาทองคำปิดตลาดใกล้ All-Time High ซึ่งราคาทองคำยังคงยก High ติดต่อกันตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังคงสดใส คาดว่าราคาทองคำยังมีทิศทางขาขึ้น สัปดาห์นี้ติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ของสหรัฐ หลังจากการเปิดเผยครั้งก่อนสูงกว่าคาด สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ และ 2,270 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,350 ดอลลาร์ และ 2,380 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,000 บาท และ 39,750 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 40,400 บาท และ 40,600 บาท