แนวโน้มราคาทอง
ระยะสั้นฟื้นตัว แต่ให้ระวังแรงขาย
- ราคาทองปรับตัวลง (-27.52) ดอลลาร์ คิดเป็น (-1.09%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,484 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,514 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,470 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,750 บาท
ต่ำสุด – 40,700 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำเริ่มเกิดแรงเทขาย หลังดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า ซึ่งดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 55.2 ดีกว่าตลาดคาด นักลงทุนรอติดตามการประชุมประจำปีของเฟดในเมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยเฉพาะการแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ เวลา 21.00 ตามเวลาไทย ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 1.15 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 624,000 ยูนิตจาก 617,000 ยูนิต นอกจากนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole ช่วงเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำทำ Low และ High ต่ำกว่าก่อนหน้า ประกอบกับสัญญาณเทคนิคของราคาทองคำใน Timeframe Day จาก Modified Stochastic เส้น %K ตัดเส้น %D ลงมาเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) จึงมีแนวโน้มราคาทองคำปรับตัวลงได้อีก อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจมีการฟื้นตัวเกิดขึ้นหลังปรับตัวลงแรง แต่ยังคงให้ระวังแรงขายหากไม่ผ่าน 2,510 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,478 และ 2,470 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,510 และ 2,530 ดอลลาร์
สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำเริ่มเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) สำหรับคนที่เปิด Long Position ให้ขายทำกำไรบางส่วน สำหรับการเข้าซื้อรอบใหม่ แนะนำ Wait & See และอาจปรับกลยุทธ์มาเปิดฝั่งShort Position สำหรับเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำบริเวณแนวต้าน 2,510-2,515 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,520 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,450 และ 40,350 บาท
แนวต้าน : 40,800 และ 41,000 บาท
เงินบาทกลับมาอ่อนค่าติดต่อกัน 2 วัน อย่างไรก็ตาม ทิศทางค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า และราคาทองคำแท่งในประเทศอาจยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทแข็งค่า และการปรับตัวลงของราคาทองคำโลกในระยะสั้น ทั้งนี้แนวโน้มราคาทองคำแท่งยังคงปรับตัวลงได้ต่อ แต่อาจไม่มากนัก สำหรับเข้าซื้อทองคำแท่งให้ Wait & See