สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (28 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เป็นไปตามคาดการณ์ซึ่งสนับสนุนความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 2,339.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.75 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 29.56 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 7.90 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,014.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 50.40 ดอลลาร์ หรือ 5.43% ปิดที่ 977.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความหวังที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.7% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ค. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.8% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่ามีโอกาสประมาณ 68% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับ 64% ก่อนการเปิดเผยข้อมูล PCE
นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในปีนี้กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดนับเป็นข่าวดีที่บ่งชี้ว่า นโยบายการเงินได้ผล
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์