นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ระบุเมื่อวันอังคาร (4 เม.ย.) ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ท่ามกลางสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งชี้ว่า ปัญหาในภาคธนาคารเมื่อไม่นานมานี้อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
ทั้งนี้ นางเมสเตอร์ระบุว่า การที่จะฉุดให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% และฉุดรั้งการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อได้นั้น เฟดจะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติมในปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องเคลื่อนไหวเหนือระดับ 5% และต้องอยู่ในระดับสูงต่อไปสักระยะ
“เฟดจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกมากเพียงใดและยาวนานเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับว่า เงินเฟ้อและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อนั้นปรับตัวลดลงมากเพียงใด รวมถึงขึ้นอยู่กับว่าอุปสงค์ชะลอตัวลงมากเพียงใด ปัญหาด้านอุปทานได้รับการแก้ไขมากเพียงใดและแรงกดดันด้านราคาชะลอตัวลงมากเพียงใด” นางเมสเตอร์กล่าว
เฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่กรอบ 4.75% – 5% ในเดือนมี.ค. โดยการตัดสินดังกล่าวพิจารณาจากปัญหาภาคธนาคาร ซึ่งกลุ่มเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายระบุว่า ภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้นจะถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
“ดิฉันสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากกรณีที่ภาครัฐได้เข้ามาจัดการความเสี่ยงจากปัญหาในภาคธนาคาร” นางเมสเตอร์กล่าว
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์