ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (26 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,301.87 จุด ลดลง 228.96 จุด หรือ -0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,055.99 จุด ลดลง 15.64 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,854.35 จุด เพิ่มขึ้น 55.19 จุด หรือ +0.47%
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหลักฐานล่าสุดคือรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบินและเป็นดัชนีบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ปรับตัวลง 0.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% หลังจากดิ่งลง 0.7% ในเดือนก.พ.
ดัชนีหุ้นกลุ่มการขนส่ง (Dow Jones Transport Average Index) ร่วงลง 3.6% ซึ่งเป็นการดิ่งลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังจากบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2566 พร้อมกับปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2566
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (S&P500 Bank Index) ร่วงลง 1.4% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร หลังจากธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ( FRB) เปิดเผยว่าลูกค้าได้แห่ถอนเงินฝากจำนวนมากในไตรมาส 1/2566 โดยสถานะทางการเงินของ FRB ยังไม่ดีขึ้นแม้ว่าธนาคารขนาดใหญ่ 11 แห่งของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสภาพคล่องของ FRB
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยกู้วิกฤตของ FRB หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหรัฐกำลังพิจารณาปรับลดการประเมิน FRB ซึ่งจะจำกัดความสามารถของ FRB ในการกู้ยืมเงินจากโครงการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ หุ้น FRB ปิดตลาดร่วงลง 29.75% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2566 ราคาหุ้น FRB ได้ทรุดตัวลงถึง 96.1% ส่วนหุ้นธนาคารรายอื่น ๆ ที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ได้แก่ หุ้นเจพีมอร์แกน ปรับตัวลง 1.77% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.39% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.17%
หุ้นแอคติวิชัน บลิซซาร์ด (Activision Blizzard) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวิดีโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 11.4% หลังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษได้ออกมาขัดขวางไม่ให้บริษัทไมโครซอฟท์เข้าซื้อกิจการของแอคติวิชัน บลิซซาร์ด เนื่องจากมีความกังวลเรื่องการผูกขาดธุรกิจ
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และช่วยพยุงดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นปิดในแดนบวก โดยอัลฟาเบทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.07 ดอลลาร์ ขณะที่ไมโครซอฟท์เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2566 เพิ่มขึ้น 9% แตะระดับ 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.673 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2566 ของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์