แนวโน้มราคาทอง
มีแรงขายบ้าง แต่ยังเป็นขาขึ้น
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +51.04ดอลลาร์ คิดเป็น (+2.07%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,506 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,509 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,450 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,000 บาท
ต่ำสุด – 41,000 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงทะลุ 2,500 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ (All-Time High) จากแรงหนุนเงินดอลลาร์อ่อนค่า ทั้งนี้เงินเฟ้อ PPI และ CPI ต่ำกว่าคาด จึงเป็นแรงหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. รวมถึงแรงซื้อทองคำ จากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง จากความขัดแย้งที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นที่อิหร่านอาจเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงสงครามในยูเครน ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 8.06 ตัน จากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ค. โดย conference Board ตลาดคาดว่าจะลดลง 0.4% จากที่ลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
เกิดแท่งเทียนสีเขียวยาวในวันศุกร์ ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง และทะลุผ่านแนวต้านที่สำคัญบริเวณ Head ของรูปแบบ Triple top ทำให้มีแนวโน้มที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่indicator จาก Modified Stochastic ยังไม่เกิดสัญญาณขาย (Sell signal ) อย่างไรก็ตามอาจมีแรงเทขายออกมาบ้างหลังปรับตัวขึ้นแรง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,483 และ 2,478 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,510 และ 2,520 ดอลลาร์
สำหรับคนที่เปิด Long Position ไว้ให้ถือต่อไป (Let Profit Run) และติดตามสัญญาณจาก indicator ให้เกิดสัญญาณขายก่อน ส่วนการเข้าซื้อรอบใหม่ แนะนำเปิด Long Position บริเวณ 2,472-2,478 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,460 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,750 และ 40,700 บาท
แนวต้าน : 41,050 และ 41,150 บาท
แม้ราคาทองคำโลกจะทำ All-Time High ใหม่ แต่เงินบาทก็แข็งค่ามาก หลังจากมีความคืบหน้าตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งกดดันราคาทองคำแท่งให้ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ทองคำแท่งไทยจีงเริ่มน่าสนใจน้อยกว่าทองคำโลก อย่างไรก็ตาม แนะนำเริ่มขายทำกำไรบางส่วนเมื่อเข้าใกล้ 41,000 บาท สำหรับเข้าซื้อทองคำแท่งให้ Wait & See