แนวโน้มราคาทอง
แรงเทขายทำกำไร
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +43.8 ดอลลาร์ คิดเป็น +1.84%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,414 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,424 เหรียญ
ต่ำสุด – 2,370 เหรียญ
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,900 บาท
ต่ำสุด – 40,800 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุ 2,400 ดอลลาร์อีกครั้ง ภายหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. ออกมา 3.0% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด และเป็นการชะลอตัวลงจากครั้งก่อน ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ามาก และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 1.72 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% จากลดลง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 2.2% จาก 2.2% เมื่อเทียบรายปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น)
วิเคราะห์ราคาทอง
หลังจากที่ราคาทองคำดีดตัวขึ้นทะลุ 2,400 ดอลลาร์ ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง คาดว่าช่วงกลางวันนี้แรงซื้ออาจลดลง และอาจจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา จึงอาจทำให้ราคาทองคำย่อตัวลงเล็กน้อย แต่คาดว่าการย่อตัวลงมีกรอบจำกัด โดยราคาทองคำมีแนวรับที่ 2,400 ดอลลาร์ และแนวรับ 2,380 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,400 และ 2,380 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,424 และ 2,430 ดอลลาร์
ราคาทองคำคาดว่ายังคงปรับตัวขึ้น แต่อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง ทั้งนี้หากราคาทองคำย่อลงมาบริเวณแนวรับ
2,390-2,400 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,390-2,400 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,380 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 41,100 และ 40,900 บาท
แนวต้าน : 41,250 และ 41,300 บาท
ราคาทองคำแท่งทะลุเหนือ 41,000 บาท ซึ่งคาดว่ายังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับคนซื้อทองคำไว้เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น สามารถใช้กลยุทธ์ Let Profits Run หรือ ขายทำกำไรบริเวณ 41,400-41,500 บาท