จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
- การคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยในปีนี้
Gold Bullish
- เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ดันราคาทองคำปรับตัวขึ้น
ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้ All-Time High ซึ่งราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นทะลุแล้วทำ All-Time High ใหม่ได้หรือไม่? เรายังคงต้องติดตามอีกหลายประเด็นที่ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำ ซึ่งหากดูจากสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังคงบ่งชี้ทิศทางการปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่ก็ให้ระวังแรงขายมากขึ้นในระยะต่อไป เนื่องจากเริ่มเกิดสัญญาณ bearish divergence อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาจากสัญญาณราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้สูงต่อในระยะนี้ แต่ให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งในระยะนี้ยังคงมีปัจจัยที่เป็นบวกต่อราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง โดยเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงเดือนก.ย. การคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดยังคงหนุนต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
และล่าสุดจีนได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของจีน ซึ่งข้อมูลล่าสุดได้เผยให้เห็นว่าราคาบ้านจีนเดือนเม.ย.ปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยจีนได้ผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการจำนอง โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยจำนองขั้นต่ำทั่วประเทศ พร้อมปรับลดสัดส่วนเงินดาวน์ลงสู่ระดับ 15% สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกและ 25% สำหรับบ้านหลังที่ 2 โดยสัดส่วนเงินดาวน์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 20% และ 30% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการประตุ้นแรงซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีนทยอยเริ่มเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2564 บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งที่มียอดขายบ้านรวมกันในสัดส่วน 40% ของยอดขายบ้านทั้งหมดในจีน ได้เผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเอกชน สถานะทางการเงินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนถูกสั่นคลอน หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรัฐบาลจีนได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่ในการควบคุมปริมาณหนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% การกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะช่วยส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ตลาดอาจเริ่มกลับมามั่นใจต่อแนวโน้มการเติบโตต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลทางสถิติ พบว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลทิศทางเดียวกันกับความต้องการทองคำ นั่นคือ เศรษฐกิจของจีนมีผลต่อความต้องการทองคำโลกอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นผู้ใช้ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ความต้องการทองคำจากจีนโดยส่วนใหญ่ประมาณ 70% มาจากความต้องการในภาคเครื่องประดับ ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ความต้องการทองคำจะลดลง แต่ในช่วงเศรษฐกิจเติบโตดี ความต้องการทองคำจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อย้อนกลับไปช่วงเกิดวิกฤติโควิดในปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เศรษฐกิจของจีนเติบโตเพียง 2% ความต้องการทองคำของจีนลดลง 28% เหลือเพียง 613 ตัน ส่วนในปี 2564 ที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวสูงถึง 8.1% ความต้องการทองคำของจีนเพิ่มขึ้น 56% เป็น 959 ตันใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้น จึงมีแรงซื้อทองคำเข้ามา
ราคาทองคำดีดตัวแรงและปิดตลาดเข้าใกล้ระดับ All-Time High ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำระยะสั้นใน Timeframe Day ยังมีสัญญาณการปรับตัวขึ้น โดย MACD>Signal line และ Modified Stochastic เส้น %K ยังตัดอยู่เหนือ %D สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC และการแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์ และ 2,380 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,431 ดอลลาร์ หากผ่านทะลุขึ้นไปได้มีแนวต้านถัดไปที่ 2,450 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 41,000 บาท และ 40,700 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,400 บาท และ 41,650 บาท