คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
Gold Bearish
- เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
- เฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยสูงนานขึ้น
คาดว่าเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับตัวลงแรงหลุด 2,300 ดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลชั่วคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐ Core PCE พื้นฐานของสหรัฐที่เปิดเผยออกมาวันศุกร์ได้สะท้อนถึงเงินเฟ้อยังคงอยู่สูง จึงอาจเป็นปัจจัยทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงนานขึ้น ซึ่งอาจกดดันต่อราคาทองคำในระยะต่อไป ทั้งนี้อาจมีคำถามว่า “แล้วราคาทองคำยังน่าสนใจอยู่หรือไม่? ทองคำหมดเสน่ห์แล้วหรือยัง?” ซึ่งยังคงยืนยันว่าทองคำยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว หากพิจารณาการลงทุนทองคำในเชิงระยะยาวนั้น ในปีนี้ทองคำโลกให้ผลตอบแทนถึง 13.34% ส่วนทองคำแท่งในประเทศให้ผลตอบแทนถึง 21.69% และหากพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนทองคำ พบว่า ผลตอบแทนของราคาทองคำโลกเฉลี่ย 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.1% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี 10 ปี 20 ปี และ 26 ปี ให้ผลตอบแทน 10.5% 6.1% 9.4% และ 8.8% ตามลำดับ ส่วนผลตอบแทนของราคาทองคำไทยเฉลี่ย 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.9% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี 10 ปี 20 ปี และ 26 ปี ให้ผลตอบแทน 11.5% 6.3% 8.2% และ 7.3% ตามลำดับ โดยผลตอบแทนของทองคำค่อนข้างให้ผลตอบแทนที่ดี และน่าสนใจไปกว่านั้นคือผลตอบแทนเป็นบวกหมด ซึ่งก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า การลงทุนทองคำยังคงน่าสนใจในเชิงระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นราคาทองคำอาจปรับตัวลงได้ โดยดอกเบี้ยสหรัฐที่อยู่สูงนานกว่าคาด อาจจะกดดันตลาดทองคำในระยะสั้น โดยการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ยังคงคาดว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยระดับเท่าเดิม และอาจจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยอาจเลื่อนออกไปนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ตลาดมีมุมมองการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. จากเดิมที่เคยคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมุมมองของนักลงทุนมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ขึ้นกับตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่เปิดเผยออกมาในแต่ละสัปดาห์ การที่เฟดมีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยที่สูงนานขึ้น อาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงมาได้ในระยะสั้น ถ้าถามว่าตรงนี้อาจทำให้ทองคำลดความน่าสนใจหรือไม่? อาจไม่!! ในระยะยาว ซึ่งหากพิจารณาอีกหนึ่งทฤษฎี คือ กฎเทย์เลอร์ (Taylor’s Rule) ได้มีการนำใช้ในการคาดการณ์หาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ จะพบว่า เส้นที่คำนวณได้จากกฎเทย์เลอร์ เริ่มปรับตัวลงแล้วทุกเส้น ขณะที่เส้นสีน้ำเงินซึ่งเป็นเส้น Actual Fed Fund Rate ยังคงปรับตัวขึ้น และยังไม่ได้มีการปรับตัวลง โดยปกติแล้วเส้นดังกล่าวจะคล้อยตามกัน นั่นก็แสดงว่าอีกไม่นาน อย่างไรแล้วเฟดก็จะต้องเริ่มลดดอกเบี้ยลง ทองคำจึงยังคงน่าสนใจ
ราคาทองคำเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,350-2,355 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ทำให้มีแรงเทขายออกมา ทั้งนี้คาดว่าการฟื้นตัวของราคาทองคำมีกรอบจำกัด และคาดว่าราคาทองคำอาจชะลอการปรับตัวลง จึงอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนเม.ย. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,325 ดอลลาร์ และ 2,300 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,350 ดอลลาร์ และ 2,380 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,500 บาท และ 40,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,200 บาท และ 41,500 บาท